มาทำความรู้จักกับ "ผ้าไหมลูกแก้ว"

ผ้าไหมลูกแก้วหรือมีอีกชื่อหนึ่งว่าผ้าไหมยกดอกลูกแก้ว เพราะเป็นเทคนิคการทอแบบยกดอกลายทอนูนเป็นแพทเทริน์ไปกลายเป็นลายทอนูนเล็กๆเต็มผืน ถึงจะมองเผินๆจะดูคล้ายกับผ้าไหมสีพื้นแต่ในบางมุมที่กระทบแสงก็จะเห็นลายกลายนูนขึ้นมา ลายเล็กๆที่ไม่เด่นเกินไปจัดว่าเป็นเสน่ห์ของผ้าไหมลายลูกแก้วนั่นเอง แต่ถ้าต้องการสีสันมากขึ้นอาจจะทอยกดอกด้วยไหมทองหรือยกดอกด้วยสีไหมธรรมดาก็ได้ และยังสามารถเพิ่มแบบมีเชิงก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกค่ะ ผ้าไหมลายลูกแก้วแบบมีเชิงจะมีลายทอจากเส้นไหมสีอื่นๆเป็นเชิงตามแนวชายผ้าดูสวยงามเหมาะกับตัดเป็นผ้านุ่งค่ะ เป็นเอกลักษณ์ของผ้าทอชนิดนี้

สำหรับผ้าลายลูกแก้วแบบแรกๆคือแบบลาย 8 ตะกอ ต่อมามีการทอยกดอกในแบบลาย

ใหม่ๆ หลากหลายรูปแบบ ลักษณะสำคัญ อีกอย่างของผ้าลูกแก้วนอกจากความหรูหราและเป็นเอกลักษณ์แล้วคือสามารถรีดให้เรียบได้ง่ายกว่าผ้าไหมเนื้อเรียบทั่วไป

หนึ่งในชุดพระราชนิยมที่ใช้ผ้าไหมลูกแก้ว (หรือผ้าไหมยกดอก ) สามารถใช้ตัดชุดไทยอมรินทร์และชุดไทยจิตรลดาได้ ชุดไทยอมรินทร์มีความต่างกันที่การใช้ผ้าไหมยกดอกสีทองส่วนชุดไทยจิตรลดานั้นใช้ผ้ายกดอกเป็นสีไหมธรรมดานั่นเอง

นอกจากนั้นแล้ว ยังสามารถตัดเป็นชุดแบบอื่นๆ สไตล์แฟชั่นที่ทันสมัยได้ ชุดเดรส ชุดทำงาน ผ้าถุงสำเร็จรูป ที่อยู่ทรงโดยใช้ผ้ากาวอัดทับเพื่อความเรียบ และดูหรูหรา ทั้งนี้ส่วนใหญ่ผ้าไหมที่ผลิตจากบ้านเรานั้นจะมีความแข็งของผ้า จะไม่เหมาะกับแบบบางชนิด เช่น ทรงย้วย หรือกระโปรงที่ใช้ผ้าตามแนวขวางของผ้าเวลาตัดยาวๆ เนื่องจากข้อจำกัดของความหว้างของหน้าผ้า

ส่วนใหญ่ถ้านำมาตัดชุดพระราชนิยมนั้น จะใช้ผ้าสำหรับคนตัวเล็กทำเสื้อใช้ผ้าประมาณ 1.5 เมตร และ 2 เมตร สำหรับผ้าถุง สำหรับผ้าหน้าแคบ หากเป็นผ้าหน้ากว้าง ถึง 1.5 เมตร นั้น ตัวเสื้อใช้แค่ 1 เมตรก็เพียงพอ ทั้งนี้เราต้องพิจารณาให้ดีว่าเป็นผ้าหน้ากว้างหรือหน้าแคบ หากไซส์ใหญ่ขึ้นมาหน่อยก็กะตามพอสมควร 2 เมตร เป็นต้นไป